(หน่วยที่ 3 รูปแบบการเรียนการสอนกระบวนการคิดสร้างสรรค์ )
ชื่อ รูปแบบการเรียนการสอนกระบวนการคิดสร้างสรรค์( Synectics Instructional Model )
หลักการ
เป็นรูปแบบที่จอยส์ และวีล พัฒนาขึ้นจากแนวคิดของ กอร์ดอน ที่กล่าวว่า บุคคลทั่วไปมักยึดติดกับวิธีคิดแก้ปัญหาแบบเดิมๆ ของตนโดยไม่ค่อยคำนึงถึงความคิดของคนอื่น ทำให้การคิดของตนคับแคบและไม่สร้างสรรค์ บุคคลจะเกิดความคิดเห็นที่สร้างสรรค์แตกต่างไปจากเดิมได้ หากมีโอกาสได้ลองคิดแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่ไม่เคยคิดมาก่อน หรือให้บุคคลจากหลายกลุ่มประสบการณ์มาช่วยกันแก้ปัญหาจะได้วิธีการที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นกอร์ดอนจึงเสนอให้ผู้เรียนมีโอกาสคิดแก้ปัญหาด้วยแนวความคิดใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนเดิม ไม่อยู่นสภาพที่เป็นตัวเอง สภาพการณ์เช่นนี้จะกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความคิดใหม่ๆ ขึ้น กอร์ดอนได้เสนอวิธีการเปรียบเทียบแบบอุปมาอุปไมยเพื่อใช้ในการกระตุ้นความคิดใหม่ๆ ไว้ 3 แบบ คือ การเปรียบเทียบแบบตรง การเปรียบเทียบบุคคลกับสิ่งของ และการเปรียบเทียบคำคู่ขัดแย้ง
วัตถุประสงค์
มุ่งพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียน ช่วยให้ผู้เรียนเกิดแนวคิดที่ใหม่แตกต่างไปจากเดิมและสามรถนำความคิดนั้นไปใช้ให้เป็นประโยชน์ได้
ขั้นตอน
ขั้นที่ 1 ขั้นนำ
ผู้สอนให้ผู้เรียนทำงานต่างๆ ที่ต้องการให้ผู้เรียนทำตามปกติที่เคยทำ เสร็จแล้วให้เก็บผลงานนั้นไว้ก่อน
ขั้นที่ 2 ขั้นการเปรียบเทียบแบบตรง
ผู้สอนเสนอคำคู่ให้ผู้เรียนเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่าง คำคู่ที่ผู้สอนเลือกมาควรมีลักษณะที่สัมพันธ์กับเนื้อหาหรืองานที่ผู้เรียนทำในขั้นที่ 1
ขั้นที่ 3 ขั้นการเปรียบเทียบบุคคลกับสิ่งของ
สอนให้ผู้เรียนสมมติตัวเองเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งและแสดงความรู้สึกออกมา
ขั้นที่ 4 ขั้นการสร้างคำคู่ขัดแย้ง
ผู้สอนให้ผู้เรียนนำคำ หรือวลีที่ได้จากการเปรียบเทียบในขั้นที่ 2 และ 3 มาประกอบกันเป็นคำใหม่ที่มีความหมายขัดแย้งกันในตัวเอง
ขั้นที่ 5 ขั้นอธิบายความหมายของคำคู่ขัดแย้ง
ผู้สอนให้ผู้เรียนช่วยกันอธิบายความหมายของคำคู่ขัดแย้งที่ได้
ขั้นที่ 6 ขั้นนำความคิดใหม่มาสร้างสรรค์งาน
ผู้สอนให้ผู้เรียนนำงานที่ทำไว้ในขั้นที่ 1 ออกมาทบทวนใหม่ และลองเลือกนำความคิดที่ได้มาใหม่จากกิจกรรมขั้นที่ 5 มาใช้ในงานของตน ทำให้งานของตนมีความสร้างสรรค์มากขึ้น
ข้อดี
1.ผู้เรียนเกิดความคิดใหม่ๆ และสามารถนำความคิดใหม่ๆ ไปใช้ในงานของตน ทำให้งานของตนมีความแปลกใหม่ น่าสนใจมากขึ้น
2.ผู้เรียนเกิดความตระหนักในคุณค่าของการคิด และความคิดของผู้อื่นด้วย
3.วิธีการนี้เหมาะสำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับการเขียนและการพูดอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งการสร้างสรรค์งานศิลปะ
ข้อด้อย
1.ผู้สอนต้องใช้เวลาในการเตรียมการสอนมากขึ้น
เนื่องจากต้องเตรียมคำคู่เพื่อให้ผู้เรียนเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่าง
2.ในกรณีที่เป็นการเรียนรู้ในสาระวิชาที่มีเนื้อหาซับซ้อน
อาจจะต้องใช้เวลามากสำหรับผู้สอนในการเตรียมการสอนและต้องให้เวลาผู้เรียนมากขึ้นในการเรียนรู้แต่ละขั้นตอน
ข้อเสนอแนะ
1.ผู้สอนควรเพิ่มพูนทักษะด้านภาษาของตนเองเพื่อชวยในการเตรียมคำคู่ที่มีลักษณะที่สัมพันธ์กับเนื้อหา เพื่อให้ผู้เรียนเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่าง
2.ผู้สอนต้องมีเวลาในการเตรียมการสอนมากพอ
จันทร์ชลี มาพุทธ. (2545). การเรียนรู้แบบบูรณาการด้วย Storyline Approach. วารสารศึกษาศาสตร์ ปีที่14 ฉบับที่ 2 เดือน พฤศจิกายน 2545-มีนาคม 2546.
ทิศนา แขมณี. (2551). ศาสตร์การสอน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วัฒนา ก้อนเชื้อรัตน์. การพัฒนาหลักสูตรสำหรับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ. เผยแพร่ใน
สงบ ลักษณะ. (2542). CIPPA-Story Model. วารสารสานปฏิรูป
ฉบับเดือนตุลาคม2542. เผยแพร่ใน
learners.in.th/file/achariyaporn/aew15.doc
Som_Ying_Ka . (2550). รูปแบบการเรียนการสอนกระบวนการคิดสร้างสรรค์. เผยแพร่ใน http://learners.in.th/file/som_ying_ka/view/58730
http://www.storyline-scotland.com/england.html
http://www.edu.buu.ac.th/journal/Journal%20Edu/Link_Jounal%20edu_14_1.pdf
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น